ข่าวและกิจกรรม

มิติใหม่ของข้าวไทย ‘ข้าวญี่ปุ่นตราฉัตร’ ชูจุดแข็ง ตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกกระบวนการ

กระแสตลาดโลกในปัจจุบันนี้ หนีไม่พ้นเรื่องของสุขภาพ และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี คนรุ่นใหม่หันมาให้ความใส่ใจ บริโภคอาหารที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทุกคนสามารถที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสุขภาพของตัวเอง กำหนดใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สะอาด ปลอดภัย มาปรุงหรือรับประทานอาหารในแต่มื้อได้ ธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารหลายๆ แห่ง จึงตระหนักและให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัย หรือ Food Safety

บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก็ได้เล็งเห็นถึงจุดนี้ และได้มองหาช่องทางที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกร และสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตร ให้สามารถปรับตัวได้ และเพิ่มโอกาสทางการตลาดของสินค้าให้สูงขึ้น ภายหลังจากทดลองและวิจัย จนเกิดเป็นรูปแบบโมเดลนี้ขึ้น ซึ่งก็คือ โครงการพัฒนาระบบการปลูกข้าวเพื่อความยั่งยืน (ข้าวญี่ปุ่น)

ภายใต้ปณิธานขององค์กร คือ ครัวของโลก บริษัทคำนึงถึงมาตรฐานและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นตัวตั้ง ทุกๆ กระบวนการผลิตข้าวญี่ปุ่น จึงได้มีการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ มาใช้ในระบบการผลิตข้าว บริษัทฯ ได้เข้ามาช่วยเกษตกรสมาชิกในโครงการดูแลเรื่องระบบบริหารจัดการเกษตร ตั้งแต่ถ่ายทอดความรู้วิธีปลูกข้าวญี่ปุ่นให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ราคาสูง โดยนักวิชาการเกษตร คอยให้คำแนะนำทุกขั้นตอน บริษัทเชื่อว่า นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ ว่าสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริโภค ไม่มีสิ่งปนเปื้อน สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เพราะสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

‘ข้าวญี่ปุ่นตราฉัตร-สายพันธุ์อะกิตะโคมาชิ หรือ ก.วก.2’ ผลผลิตที่เกิดจากการทดลองโมเดลปลูกข้าวสมัยใหม่ของทางบริษัทฯ ร่วมกับกลุ่มตัวแทนเกษตรกร จากโครงการพัฒนาระบบการปลูกข้าวเพื่อความยั่งยืน (ข้าวญี่ปุ่น) ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงชัย อ.แม่ลาว อ.พาน จังหวัดเชียงราย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกร ในการสร้างรายได้ที่มากกว่าอย่างยั่งยืน สาเหตุที่ทางบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาส ก็เพราะข้าวญี่ปุ่นสามารถปลูกได้ 2 รอบต่อปี (ทั้งฤดูนาปี และฤดูนาปรัง) อีกทั้งผลผลิตและราคาจำหน่ายของผลผลิตต่อไร่ ที่มากกว่าข้าวประเภทอื่นๆ ที่ปลูกในช่วงเวลาเดียวกัน ความชื้นเดียวกัน 14% (ข้าวแห้ง) อาทิ มากกว่าข้าวเหนียวสันป่าตอง อยู่ที่ 5% และมากกว่าข้าวหอมมะลิ อยู่ที่ 55% ซึ่งจะทำให้เกษตรกรดึงเอาศักยภาพมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับผลตอบแทนสูง

ส่วนของกิจกรรมวันนี้ “เพาะกล้า-ปักดำ” คือ ส่วนหนึ่งของกระบวนการส่งเสริมปลูกข้าวญี่ปุ่น ที่ทางบริษัทฯ ให้ความพิถีพิถัน ใส่ใจ จัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเกษตรกรดูแล อำนวยความสะดวก ตั้งแต่ต้นทางการผลิตจนสู่ปลายทางผู้บริโภค เริ่มจากการเตรียมเมล็ดพันธุ์ ต้องเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี บริสุทธิ์ตรงตามสายพันธุ์ (จากศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย) อัตราความงอกไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซนต์ มีการทดสอบความงอกก่อน อัตราการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม สำหรับนาปักดำ (ด้วยเครื่องปักดำ เพื่อลดภาวะแรงงานเกษตรกร) อยู่ที่ 15 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากนั้นใช้การเพาะกล้า จากศูนย์เพาะกล้าที่บริษัทฯ ได้ศึกษาและเตรียมการไว้ให้ ใช้อายุกล้าสำหรับปักดำอยู่ที่ 17-20 วัน สำหรับฤดูนาปี หรือ 20-22 วัน สำหรับฤดูนาปรัง และใช้แผ่นกล้า สำหรับปักดำ จำนวน 50 ถาดต่อไร่ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการปักดำโดยใช้รถดำนา เริ่มจากการม้วนแผ่นกล้า แล้วขนย้ายมายังบริเวณแปลงปักดำ ปักดำที่ระยะ 21x30 เซนติเมตร ความลึก 1-2 เซนติเมตร ในอัตรา 3-5 ต้นต่อหลุม