Privacy Policy

Director

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ (Privacy Notice for Director)

1. บททั่วไป

เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทในธุรกิจข้าว ธุรกิจพืชครบวงจร ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (“บริษัทฯ”) จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกรรมการของบริษัทฯ (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ขึ้น เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) เช่น วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือการดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม อาทิ การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การส่ง การโอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย (“ประมวลผล”) และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

2. กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วย

2.1 กรรมการ ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่อาจได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการของบริษัทฯ หรือบุคคลธรรมดาที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและปฏิบัติหน้าที่ให้กับบริษัทฯ และได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นใดไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรจากบริษัทฯ เพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้หมายความรวมถึงผู้บริหารหรือบุคคล อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และ

2.2 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ ซึ่งหมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เช่น บุคคลในครอบครัว (อาทิ บิดา มารดา พี่ น้อง คู่สมรส และบุตร) บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และผู้รับผลประโยชน์ เป็นต้น

3. วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3.1 บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง

    ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ โดยตรง เช่น

    • เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ ในระหว่างกระบวนการสรรหา และการแต่งตั้งกรรมการ
    • เมื่อท่านเข้าทำสัญญาหรือนิติกรรมต่าง ๆ กับบริษัทฯ เช่น ข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) และหรือสัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement)
    • เมื่อท่านส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัทฯ
    • เมื่อท่านติดต่อกับบริษัทฯ ผ่านทางช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือวาจา เช่น โทรศัพท์ อีเมล ไปรษณีย์ โซเชียลมีเดีย การประชุมออนไลน์ การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
    • เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ของบริษัทฯ เป็นต้น
  • (ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ

    บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้

  • (ค) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากแหล่งอื่นหรือบุคคลภายนอก

    ในกรณีที่ท่านเป็นกรรมการ บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นหรือบุคคลภายนอก เช่น เลขานุการของท่าน หน่วยงานของรัฐ แหล่งข้อมูลสาธารณะ และที่ประชุมคณะกรรมการและหรือผู้บริหาร เป็นต้น

    ในกรณีที่ท่านเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ (อาทิ บุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน หรือผู้รับผลประโยชน์ของกรรมการ) บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกรรมการหรือเอกสารต่าง ๆ ที่กรรมการส่งมอบให้แก่บริษัทฯ

3.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

3.3 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ หากท่านไม่ประสงค์ให้บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและเป็นกรณีที่บริษัทฯ อาศัยฐานความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อขอยกเลิกความยินยอม ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากแหล่งอื่นหรือบุคคลภายนอก ได้แก่

4.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง รูปถ่าย ภาพถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ สถานภาพสมรส และทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

4.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และไอดีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ (เช่น Line ID, Facebook ID, WhatsApp ID) เป็นต้น

4.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาและการทำงาน เช่น ประวัติการศึกษา หนังสือรับรองคุณวุฒิ ทักษะ และประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น

4.4 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการทำนิติกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร สำเนาใบขับขี่ สำเนาทะเบียนรถ ใบรับรองแพทย์ แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ หนังสือรับรองตำแหน่ง ข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) และหนังสือมอบอำนาจ เป็นต้น

4.5 ข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนและผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร บำเหน็จ เงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทน โบนัส สวัสดิการ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลการหักลดหย่อนภาษี ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพและหรือผลประโยชน์อื่น ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงานสุขภาพประจำปี แบบเบิกเงินยืมสวัสดิการ ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ แบบการเรียกค่าสินไหมทดแทน (สำหรับการประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิต) เป็นต้น

4.6 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลชีวภาพ (อาทิ ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) เป็นต้น

4.7 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

4.8 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น

5. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
(ก) เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหา และการแต่งตั้งกรรมการ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการสรรหา ตรวจสอบ และพิจารณาคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นสำหรับบริษัทฯ ในการแต่งตั้งกรรมการ หรือเข้าทำสัญญาหรือข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) สัญญาแต่งตั้ง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งกรรมการเป็นคู่สัญญา เป็นต้น
  • ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของกรรมการ เช่น ประวัติอาชญากรรม และข้อมูลสุขภาพ เพื่อการสรรหา ตรวจสอบ และพิจารณาคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากกรรมการ
(ข) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบยืนยันตัวตนของกรรมการ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการตรวจสอบยืนยันตัวตนของบุคคลดังกล่าว เพื่อการทำนิติกรรมต่าง ๆ
  • ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ปรากฏอยู่บนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เช่น ศาสนาและหรือหมู่โลหิต ในขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันตัวตนของกรรมการ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ โดยไม่อาจปิดทับ ขีดคาด หรือหลีกเลี่ยงการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวได้ บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากบุคคลดังกล่าว
(ค) เพื่อวัตถุประสงค์ในการ บริหารจัดการสวัสดิการและผลประโยชน์ให้แก่กรรมการและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เป็นการจำเป็นต่อการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ เช่น การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ของกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นสำหรับบริษัทฯ ในการปฏิบัติตามข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) สัญญาแต่งตั้ง และหรือสัญญาอื่น ๆ ซึ่งกรรมการเป็นคู่สัญญา เป็นต้น
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน และการประกันสังคม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม
  • ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของกรรมการและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เช่น ข้อมูลสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการการประกันภัยแบบกลุ่มหรือสวัสดิการอื่น ๆ บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากกรรมการและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
(ง) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ในฐานะผู้แทนหรือตัวแทนของบริษัทฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลบริษัทฯ การจัดทำหนังสือมอบอำนาจ การจัดทำงบการเงินของบริษัทฯ การเข้าทำสัญญา การติดต่อหน่วยงานราชการ หรือการขอใบอนุญาตต่าง ๆ เป็นต้น
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement)สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) สัญญาแต่งตั้ง และหรือสัญญาอื่นใด ซึ่งกรรมการได้เข้าทำกับบริษัทฯ (ถ้ามี) เช่น การใช้และเปิดเผยชื่อ นามสกุล และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการ เพื่อยืนยันตัวตนในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทฯ ในการลงนามในสัญญา เอกสาร หรือการทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของบริษัทฯ ตลอดจนการใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการตามที่กำหนดในข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) สัญญาแต่งตั้ง และหรือสัญญาอื่นใด เป็นต้น
(จ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการ จ่ายบำเหน็จ เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นสำหรับการจ่ายบำเหน็จ เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าตอบแทนและหรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ตามข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) สัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) สัญญาแต่งตั้ง และหรือสัญญาอื่น ๆ ซึ่งกรรมการเป็นคู่สัญญา
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: ในบางกรณี การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายภาษีอากร เป็นต้น
(ฉ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของศาล หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานประกันสังคม และกรมสรรพากร) เป็นต้น
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข: ในบางกรณี การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของกรรมการ (อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
(ช) เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการติดต่อสื่อสารกับกรรมการ และ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ
(ซ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบริษัทฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบริษัทฯ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
(ฌ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและหรือการ ไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และหรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ญ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัทฯ
  • ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัทฯ เช่น การใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัทฯ สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น
  • ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของกรรมการ เช่น การใช้ข้อมูลชีวภาพ (อาทิ ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนก่อนเข้าสถานประกอบการ หรือเพื่อการเข้าถึงระบบต่าง ๆ ของบริษัทฯ บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากกรรมการ
(ฎ) เพื่อการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ในการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็น และหรือเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น

    ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

(ฏ) เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ
  • บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ ต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเมื่อบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้

    ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

5.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 5.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการให้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

5.3 ในกรณีที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และหรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และหรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ และหรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้

  • (ก) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง และหรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • (ข) คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการรักษาความปลอดภัย บริการจัดทำเงินเดือน บริการบันทึกข้อมูล บริการจัดเก็บเอกสาร บริการชำระเงิน บริการรับส่งไปรษณีย์และพัสดุ บริการจัดพิมพ์ บริการด้านสุขภาพ บริการประกันภัย บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการวิจัย หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ (อาทิ ธนาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทรับจัดทำเงินเดือน) เป็นต้น
  • (ค) ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี นักคณิตศาสตร์ประกันภัย หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฯ เป็นต้น
  • (ง) ศาลและหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สำนักงานประกันสังคม กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมปศุสัตว์ สัตวแพทยสภา กรมประมง กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น
  • (จ) ลูกค้า คู่ค้า หรือคู่สัญญาของบริษัทฯ ที่ท่านเป็นผู้ติดต่อสื่อสารหรือเกี่ยวข้องกับหน้าที่หรือตำแหน่งของท่าน หรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
  • (ฉ) บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

6.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อน

6.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

7. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทฯ และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัทฯ

หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทฯ สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้

8. สิทธิต่าง ๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้

8.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านอาจขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

8.7 สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม

ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้

8.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน

หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ โดยใช้ช่องทางการติดต่อตามข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้

สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Office)
อีเมล: DPO@CPTG.CO.TH
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 89 อาคาร เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ชั้น 28 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
เบอร์โทรศัพท์: +66 (0) 2764-7400

10. การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้

บริษัทฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ที่สำคัญใด ๆ พร้อมกับ ประกาศฯ ฉบับปรับปรุง ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ ๆ

ประกาศ ณ วันที่ 16 เมษายน 2565